Call Center 02 619 2333ไทย | ENGLISH
ข้อมูลสำหรับ
นักลงทุน
ข้อมูลสำหรับนักลงทุน
เมนู
สารจากประธานกรรมการ

เศรษฐกิจของประเทศในปีที่ผ่านมาถือได้ว่าอยู่ในภาวะที่วิกฤตที่สุดในทศวรรษ ปัจจัยหลักมาจากการตกต่ำของเศรษฐกิจโลก จากสงครามใหญ่ๆ ใน 2 ภูมิภาค ในประเทศการขาดเสถียรภาพของรัฐบาล ทำให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจจนกำลังซื้อหดตัวลงไป ความล่าช้าในการอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณทำให้การลงทุนของรัฐชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด มีผลให้การบริโภคทั้งประเทศทรุดตัวลง ธุรกิจที่มีปัญหามากคือ ธุรกิจยานยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ ยอดขายรถยนต์ในปี 2567 ลดลงจากที่มีก่อนหน้านั้น 40-45% ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดเล็ก ต้องชะลอหรือหยุดการก่อสร้างโครงการใหม่โดยสิ้นเชิง นอกจากนั้นในช่วงปลายปีมีอุทกภัยที่รุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน เกิดขึ้นในหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคกลาง เช่น จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง และเกิดความชะงักงันในการบริโภค ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้มีผลกระทบกับธุรกิจ ของบริษัทฯ โดยตรง นอกจากทำให้กำลังซื้อสินค้าหดตัวลงไปแล้ว ยิ่งทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คู่แข่งขันต่างก็ออกมาตรการมาลดราคาเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด

ความผันผวนของตลาด ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้รายได้จากการขายและการให้บริการของบริษัทฯ ลดลงจากปีก่อนเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี โดยลดลงจาก 5,631.15 ล้านบาทในปี 2566 เหลือ 4,969.89 ล้านบาทในปี 2567 หรือลดลงประมาณ 11.74% ขณะที่กำไรลดลงมาจาก 637.51 ล้านบาท เหลือ 506.25 ล้านบาท หรือประมาณ 20.59%

ถึงแม้ว่ายอดขายและผลกำไรของบริษัทฯ จะลดลงบ้างตามภาวะตลาด คณะกรรมการยังมีความเห็นว่า กระแสเงินสดของบริษัทฯ ยังดีอยู่ และฐานะการเงินของบริษัทฯ ก็ยังมีความมั่นคงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง จึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลครึ่งหลังของปี 2567 เพิ่มขึ้นอีก 24 สตางค์ รวมเป็นเงินปันผลทั้งปี 50 สตางค์ ลดลงจากปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย ในการจ่ายเงินปันผลครั้งนี้อัตราเงินปันผลต่อกำไรจะสูงถึง 86.21% แต่ก็ยังน่าจะยอมรับได้ภายใต้สถานการณ์การเงินที่มั่นคงอย่างในปัจจุบัน

ภายใต้ภาวะกดดันทางธุรกิจอย่างในปีนี้ ฝ่ายบริหารก็ไม่ได้หยุดยั้งที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการขยายกำลังผลิตที่สำคัญ 3 โครงการดังนี้

(1) ขยายกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีตโดยใช้งบประมาณ 474.96 ล้านบาท ทำให้ผลิตกระเบื้องคอนกรีตได้เพิ่มขึ้นอีก 22.8 ล้านแผ่นต่อปี และครอบคอนกรีตอีก 1.2 ล้านชิ้นต่อปี โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2567

(2) ติดตั้งการผลิต Truss อีกสายการผลิต เพื่อรับกับกำลังการผลิตของกระเบื้องคอนกรีตที่เพิ่มขึ้น โดยได้ดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2567 เช่นกัน

(3) โครงการขยายกำลังผลิตอิฐมวลเบา โดยเพิ่มกำลังผลิตอีก 2 ล้านก้อนต่อปี ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 648 ล้านบาท ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 80% และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พฤษภาคม 2568

นอกจากนั้นยังมีโครงการแก้ไขปรับปรุงเครื่องจักรและกระบวนการผลิตอีกมากมายที่มีผลให้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพิ่มคุณภาพของสินค้า ลดการใช้วัตถุดิบและต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง และ Logistics ทั้งหลายอีกด้วย

คณะกรรมการมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดูแลรักษาให้กิจการของบริษัทฯ ดำเนินการไปได้อย่างจีรังยั่งยืนตลอดไป และเชื่อว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจในปีหน้าและปีต่อๆ ไปได้ดีกว่าปีนี้ และขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนที่ให้การสนับสนุน และกำลังใจมาโดยตลอด

นายประกิต ประทีปะเสน
ประธานกรรมการ