Call Center 02 619 2333ไทย | ENGLISH
ข้อมูลสำหรับ
นักลงทุน
ข้อมูลสำหรับนักลงทุน
เมนู

‘ตราเพชร' ประเมินตลาดอิฐมวลเบาฟื้นหลังความต้องการใช้สินค้าพุ่ง เร่งเครื่องรุก ‘ไดมอนด์ เคาน์เตอร์' ดันอัตราใช้เครื่องจักร 5 เดือนแรกแตะ 80%

ย้อนกลับ07 มิ.ย. 2561

DRT ฟันธงภาพรวมอุตสาหกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากปริมาณความต้องการใช้สินค้าในตลาดรับสร้างบ้านและบ้านที่ก่อสร้างโดยผู้รับเหมารายย่อย ดันสัดส่วนการใช้อิฐมวลเบาในการก่อผนังเพิ่มขึ้นทดแทนอิฐบล็อกและอิฐมอญ จากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่เพียง 10% หนุนอัตราการใช้เครื่องจักรในการผลิตอิฐมวลเบาของบริษัทฯ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 80% ของกำลังการผลิตโดยรวม เดินเกมทำตลาด

‘ไดมอนด์ เคาน์เตอร์’ ตอกย้ำจุดแข็งสินค้าช่วยลดระยะเวลาก่อสร้างและคุณสมบัติกันความร้อน ส่งผลดีต่อความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นและสนับสนุนการเติบโตของเป้ารายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5%

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอิฐมวลเบาในประเทศปีนี้ มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากปริมาณความต้องการใช้สินค้าในกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านและบ้านที่ก่อสร้างโดยผู้รับเหมารายย่อย ที่นิยมนำ

อิฐมวลเบาไปใช้ก่อผนังอาคารและที่อยู่อาศัยทดแทนอิฐบล็อกและอิฐมอญ ส่งผลต่อภาพรวมการใช้สินค้าที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากตลาดรวมผนังที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 10%

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลทำให้ปริมาณความต้องการใช้อิฐมวลเบาในการก่อสร้างผนังที่สูงขึ้นนั้น มาจากทีมช่างผู้รับเหมาที่มีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์และผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านเห็นถึงประโยชน์ในการเลือกใช้อิฐมวลเบา ที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนซึ่งช่วยลดความร้อนเข้าสู่ภายในบ้านได้ดี สามารถก่อผนังได้รวดเร็วกว่าอิฐบล็อกและอิฐมอญจึงช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้าง อีกทั้งปัจจุบันต้นทุนค่าก่อสร้างจากการใช้อิฐมวลเบาก็ใกล้เคียงกับอิฐบล็อก ทำให้ผู้บริโภคเล็งเห็นถึงความคุ้มค่าและมีความสะดวกสบายมากกว่า

“เดิมงานก่อผนังบ้านหรืออาคารส่วนใหญ่เลือกใช้อิฐบล็อกหรืออิฐมอญกว่า 60-70% แต่ปัจจุบันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและถูกแทนที่ด้วยอิฐมวลเบา เนื่องจากทีมช่างคุ้นเคยกับการใช้งานและมีความสะดวกในการก่อฉาบ เปรียบเทียบต้นทุนกับอิฐบล็อกและอิฐมอญก็ไม่ได้สูงกว่ามากนัก และสามารถต่อเติมได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับบ้านที่ก่อสร้างด้วยผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) จึงทำให้ตลาดอิฐมวลเบาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ” นายสาธิต กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตราเพชร กล่าวว่า แนวทางการทำตลาดอิฐมวลเบา ‘ไดมอนด์ บล็อก’ ของ

ตราเพชรนั้น จะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์กลุ่ม D.I.Y. (Do it Yourself) ที่ลูกค้าสามารถซื้อไปติดตั้งได้เองหรือออกแบบให้ช่างสามารถนำไปติดตั้งได้ง่ายขึ้น นอกเหนือจากการจำหน่ายสินค้าเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างผนัง โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ‘ไดมอนด์ เคาน์เตอร์’ หรือเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูป ซึ่งง่ายต่อการติดตั้ง จึงช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างและค่าแรงในการจ้างช่าง โดยนำเสนอคุณสมบัติสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้งานและสาธิตการติดตั้งให้แก่ทีมช่างผู้รับเหมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลดีต่อปริมาณอัตราการใช้เครื่องจักรผลิตสินค้าอิฐมวลเบา ‘ไดมอนด์ บล็อก’ ของ ‘ตราเพชร’ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีอัตราการใช้เครื่องจักรในกลุ่มสินค้าอิฐมวลเบาอยู่ที่ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลดีต่อเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 5% ได้ตามแผนที่วางไว้